วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Siam Motor Alfa Beta

ระบบการจัดการ
บริษัท Siam Motor Alfa Bata จำกัด




ประวัติความเป็นมา
บริษัท Siam Motor Alfa Bata ตั้งอยู่ในจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันของพี่น้อง 3 คน เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA และยังเป็นศูนย์บริการรับซ่อมรถจักรยานยนต์ของ HONDA รวมทั้งรถจักรยานยนต์ยี่ห้ออื่นๆ ด้วย ลักษณะของบริษัทจะจำหน่ายรถของ HONDA ทั้งจ่ายสดและจ่ายผ่อนส่งเป็นรายเดือน ซึ่งสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถของทางบริษัทจะมีของสมนาคุณให้ เช่น ทองคำ โทรทัศน์ หม้อหุงข้าว พัดลม ร่ม ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของทางบริษัทด้วย 



ภารกิจหลักของบริษัท
1. บริการที่ดีมีคุณภาพให้กับลูกค้าให้เป็นที่พึงพอใจ
2. จัดจำหน่ายสินค้าด้วยราคาที่ยุติธรรม
3. ซ่อมแซมและตรวจเช็คสินค้าที่ลูกค้านำมาซ่อมให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น


วัตถุประสงค์ของบริษัท
1. เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าให้มากขึ้น
2. เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท
3. เพื่อการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน
4. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงาน
5. เพื่อลดต้นทุนในการผลิต



เป้าหมายของบริษัท
เพื่อสร้างผลกำไรสูงสุด



ประธานบริษัท 
มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายการบริหารงานของบริษัทเพื่อให้การดำเนินงานภายในบริษัทเป็นไปอย่างคล่องตัวมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสามารถตรวจสอบผลการปฏิบัติงานและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของแต่ละฝ่ายได้อย่างรวดเร็วทันเวลา ตลอดจนประเมินผลงานของฝ่ายต่าง ๆ 



ปัญหาระบบการทำงานเดิม
1. ระบบการทำงานของบริษัทจะใช้กระดาษเป็นเอกสารสำคัญในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณในการสั่งซื้อกระดาษ แฟ้มจัดเก็บเอกสาร ตู้เก็บเอกสาร รวมทั้ง
สิ้นเปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บ
2. เอกสารสามารถเกิดความเสียหายได้ง่ายเช่น โดนหนูหรือแมลงกัด โดนน้ำหรือความชื้นและสูญหายได้ง่าย
3. ในกรณีที่ลุกค้าไม่นำเงินมาผ่อนส่งภายใน 3 เดือน พนักงานจะต้องนำเอกสารออกมา
ตรวจสอบเพื่อทำการส่งเอกสารแจ้งเตือน ซึ่งทำให้ล่าช้าและเสียเวลาต่อการค้นหาข้อมูล
4. การสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทแม่ หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าจะกระทำโดยการส่งจดหมายทำให้ข้อมูลที่ส่งถึงล่าช้า
5. การตรวจสอบสินค้าในคลังสินค้า เมื่อมีการรับสินค้าเข้ามาหรือขายสินค้าออกไปเกิดความยุ่งยากเสียเวลา เนื่องจากต้องค้นหาจากแฟ้มเอกสาร



วัตถุประสงค์ของการพัฒนาระบบใหม่
ซึ่งจะเป็นการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นตัวช่วยในการจัดการแก้ไขปัญหาในระบบการทำงานเดิม ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1.เพื่อการให้บริการที่สะดวกทั่วถึงและรวดเร็ว
2.เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ จัดเก็บ ค้นหาข้อมูลและลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล
3. เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจัดการคลังสินค้า
4.เพื่อประหยัดงบประมาณในส่วนที่ฟุ่มเฟือย
5.เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเชื่อถือได้ 



ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
2. เกิดความผิดพลาดในการทำงานน้อยลง
3. สามารถจัดการข้อมูลในแต่ละหน่วยงานของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. การทำงานของพนักงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
5. สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท 


การดำเนินงานของแต่ละระบบ
1.ระบบงานขาย 
          มีหน้าที่ในการให้บริการเกี่ยวกับข้อมูลสินค้าแก่ลูกค้า เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจให้กับลูกค้า และจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้ารวมทั้งอะไหล่รถจักรยานยนต์ โดยจะมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าและรายละเอียดในการซื้อขาย ซึ่งเอกสารที่ใช้ประกอบด้วยส่วนต่างๆดังนี้
- รหัสขาย - รายละเอียดของสินค้า
- รหัสผู้ซื้อ - ราคาสินค้า
- ชื่อผู้ซื้อ - วันเดือนปีที่ขาย
- ที่อยู่ - ชื่อพนักงานขาย
- เบอร์โทรศัพท์


2. ระบบงานบัญชี
          มีหน้าที่ในการดูแลด้านการเงินและการบัญชีของบริษัท อันได้แก่ การเรียกเก็บเงินจากลูกค้าที่ซื้อสินค้าเงินผ่อน การจัดทำงบของบริษัท ฯลฯ ซึ่งเอกสารที่ใช้มีส่วนประกอบต่างๆดังนี้
- วันเดือนปีที่รับเงิน
- รหัสผู้ซื้อ
- จำนวนเงิน
- ยอดที่ค้างชำระ
- จำนวนงวดคงเหลือ
- ผู้รับเงิน


3.ระบบซ่อมบำรุง / ให้บริการ
           มีหน้าที่ในการให้บริการทางด้านการซ่อมรถจักรยานยนต์ให้แก่ลูกค้า และตรวจเช็คสภาพรถโดยเอกสารที่ใช้ประกอบไปด้วยส่วนต่างๆดังนี้
- ชื่อลูกค้า
- รายละเอียดของการซ่อม
- ค่าบริการ/อะไหล่
- ยอดชำระเงิน
- ผู้ให้บริการ


4.ระบบคลังสินค้า
          มีหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อยและตรวจเช็คสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้า รวมทั้งสั่งซื้อสินค้ามาเก็บไว้ในคลังสินค้า ซึ่งเอกสารที่ใช้ประกอบด้วยส่วนต่างๆดังนี้
- รหัสสินค้า
- ชื่อสินค้า
- รายละเอียดของสินค้า
- ราคาของสินค้า
- จำนวนของสินค้า 


ข้อดีของการปรับปรุงระบบใหม่
1.ระบบงานขาย 
ทำให้ทราบรายละเอียดของการขายในแต่ละวัน
สามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้าตัวใดที่ถูกขาย และเหลือจำนวน สินค้าเท่าไหร่
ทำให้มีข้อผิดพลาดในการทำงานน้อยลง
สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
2.ระบบบัญชี
สามารถจัดสรรด้านการเงินได้อย่างมีระบบ
ทำให้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของลูกค้าได้ง่ายขึ้น
มีความถูกต้องแม่นยำของข้อมูลการเงิน
3.ระบบซ่อมบำรุง / ให้บริการ
ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างมีระบบ
สามารถตรวจสอบข้อมูลในภายหลังได้
ทำให้การบริการลูกค้ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4.ระบบคลังสินค้า
ทำให้ทราบรายละเอียดและจำนวนของสินค้าในคลังสินค้า
ทำให้การขายสินค้ามีความสะดวกยิ่งขึ้น
ทำให้ง่ายต่อการค้นหาสินค้าในคลังสินค้า 


ปัญหาที่พบในการดำเนินงานของแต่ละส่วนงาน
แผนกขาย
หน้าที่ของแผนกขาย
มีหน้าที่ในการให้บริการเกี่ยวกับข้อมูลสินค้าแก่ลูกค้า เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจให้กับลูกค้า และจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้ารวมทั้งอะไหล่รถจักรยานยนต์ โดยจะมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าและรายละเอียดในการซื้อขาย


ปัญหาของแผนกขาย
1. เอกสารมีจำนวนมาก ทำให้การจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ ซึ่งมีเอกสารดังนี้
1.1 เอกสารข้อมูลลูกค้า
1.2 เอกสารข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า
1.3 เอกสารเกี่ยวกับสินค้า
2. เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บแฟ้มเอกสาร เพราะเอกสารทุกชนิดจะจัดเก็บภายในแฟ้ม
3. ค้นหาเอกสารได้ยาก เนื่องจากเอกสารมีเยอะและจัดเก็บไว้หลายที่
4. ข้อมูลมีการสูญหาย เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเอกสารที่ต้องการอยู่ตรงไหน เนื่องจากการเก็บเอกสารยังไม่เป็นระบบ อาจทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
5. ข้อมูลมีความซ้ำซ้อน 
6. ข้อมูลมีความแตกต่าง เนื่องจากในการให้ข้อมูลของลูกค้าแต่ละครั้งมีความเปลี่ยนแปลงเช่น เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ เพราะลูกค้าอาจจะมีเบอร์โทรศัพท์หลายเบอร์และมีการย้ายสถานที่อยู่เรื่อย ๆ


แผนกบัญชี
หน้าที่ของแผนกบัญชี
……….มีหน้าที่ในการดูแลด้านการเงินและการบัญชีของบริษัท อันได้แก่ การเรียกเก็บเงินจากลูกค้าที่ซื้อสินค้าเงินผ่อน การจัดทำงบของบริษัท ฯลฯ 
ปัญหาของแผนกบัญชี
1. เอกสารมีจำนวนมาก และจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ 
2. เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บแฟ้มเอกสาร เพราะเอกสารทุกชนิดจะจัดเก็บภายในแฟ้ม
3. ค้นหาเอกสารได้ยาก เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ
4. เอกสารสูญหาย เพราะเอกสารมีจำนวนมาก และเอกสารส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับการเงิน หากสูญหายอาจทำให้บริษัทได้รับความเสียหายอย่างมาก
5. การตรวจสอบเกี่ยวกับข้อมูลทางการเงินทำได้ช้า ไม่สะดวกรวดเร็ว
6. ข้อมูลอาจเกิดการผิดพลาดได้ถ้าเอกสารไม่ถูกต้องหรือเอกสารสูญหาย
7. รายงานทางการเงินที่ทำโดยมือจะทำให้เข้าใจได้ยาก เนื่องจากลายมือหรือรูปแบบของรายงานเพราะจะมีความหลากหลายและมีความแตกต่างกันไป


แผนกซ่อมบำรุง / ให้บริการ
หน้าที่ของแผนกซ่อมบำรุง / ให้บริการ
……….มีหน้าที่ในการให้บริการทางด้านการซ่อมรถจักรยานยนต์ให้แก่ลูกค้า และตรวจเช็คสภาพรถ 
ปัญหาของแผนกซ่อมบำรุง / ให้บริการ

1.มีปัญหาเรื่องการวินิจฉัยปัญหาไม่ตรงจุด
2.ขาดความรู้ความสามารถในการบริการ
3.ขาดการดูและบำรุงรักษาเครื่องมือที่ใช้ในงานซ่อม
4.ซ่อมรถไม่เสร็จตามเวลานัดหมาย
5.ขาดการสื่อสารที่ดีระหว่างพนักงานด้วยกัน


แผนกคลังสินค้า
หน้าที่ของแผนกคลังสินค้า
มีหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อยและตรวจเช็คสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้า รวมทั้งสั่งซื้อสินค้ามาเก็บไว้ในคลังสินค้า 
ปัญหาของแผนกคลังสินค้า
1. จัดหาอะไหล่ไม่ตรงกับที่ฝ่ายบริการต้องการใช้ในการซ่อม
2. ค้นหาเอกสารข้อมูลสินค้าได้ยาก เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากและยังจัดเก็บไม่เป็นระบบ
3. ในการเช็คสต็อกอาจเกิดความผิดพลาดขึ้น เนื่องจากสินค้าจัดเก็บอยู่หลายที่ทำให้อาจลืมเช็คได้
4. ข้อมูลสินค้าสูญหายทำให้จำนวนสินค้าภายในคลังสินค้าอาจไม่พอหรือว่ามีจำนวนสินค้ามากเกินไป เนื่องจากไม่สามารถเช็คได้ว่าในคลังสินค้ามีจำนวนสินค้าอยู่เท่าไร
5. การสต็อกอะไหล่ไม่เพียงพอ


ปัญหาระหว่างแผนก
ปัญหาระหว่างแผนกงานขายกับแผนกงานบัญชี 
1. หากแผนกขายไม่นำเอกสารสั่งซื้อสินค้ามาส่งให้แก่แผนกบัญชี แผนกบัญชีก็จะไม่ทราบยอดการสั่งซื้อ
2. หากแผนกขายทำเอกสารการชำระเงินของลูกค้าหาย แผนกบัญชีก็จะไม่ทราบข้อมูลการชำระเงินของลูกค้า
3.หากแผนกขายได้ขายสินค้าไป โดยไม่ได้แจ้งให้แผนกบัญชีทราบจะทำให้ยอดขายกับยอดการเงินของบริษัทไม่เท่ากัน

ปัญหาระหว่างแผนกงานขายกับแผนกคลังสินค้า
1. หากแผนกคลังสินค้าไม่ทราบยอดสินค้า แผนกขายก็จะไม่ทราบว่าจำนวนสินค้าว่าเพียงพอกับการขายหรือไม่
2. หากแผนกขายขายสินค้าไปโดยไม่แจ้งแผนกคลังสินค้าๆก็จะไม่ทราบจำนวนสินค้าที่เหลืออยู่ ทำให้เสียเวลาในการตรวจนับใหม่


ปัญหาระหว่างแผนกบัญชีกับแผนกคลังสินค้า
ถ้าแผนกคลังสินค้าไม่ได้แจ้งยอดการคลังสินค้าให้แผนกบัญชีทราบ แผนกบัญชีก็ไม่สามารถทำงบการเงินได้ เพราะจะต้องทราบยอดสินค้าคงเหลือของแต่ละงวด


ปัญหาระหว่างแผนกซ่อมบำรุงกับแผนกคลังสินค้า
ถ้าแผนกซ่อมบำรุง อุปกรณ์เครื่องมือหมดต้องไปเบิกแผนกคลังสินค้า ซึ่งอุปกรณ์บางชิ้นหมดไม่สามารถหาซื้อได้ และระยะเวลาในการสั่งซื้ออุปกรณ์นั้นๆ กินเวลาพอสมควร


ขอบเขตของการพัฒนาระบบ
1. ระบบงานขาย
2. ระบบงานบัญชี
3. ระบบซ่อมบำรุง/ให้บริการ
4. ระบบคลังสินค้า 


ตารางแสดงรายการ การทำงาน (Functions) หรือกิจกรรมทางธุรกิจทั้งหมดขององค์กร


หน้าที่
หน่วยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ระบบสารสนเทศ
1.ขาย
1.ลูกค้า
1.ระบบการเงิน
2.บัญชี
2.สินค้า
2.ระบบคลังสินค้า
3.ซ่อมบำรุง
3.อุปกรณ์
3.ระบบจัดเก็บเอกสาร
4.คลังสินค้า
4.บัญชีการเงิน
4.ระบบขนส่ง

5.ใบสั่งสินค้า
5.ระบบจัดซื้อสินค้า

6.ใบสั่งซื้อสินค้า
6.ระบบตรวจสอบสินค้า

7.ใบรับสินค้า
7.ระบบจัดเก็บอุปกรณ์

8.ใบจ่ายเงิน
8.ระบบส่งเสริมการขาย

9.ใบเส็จรับเงิน
9.ระบบสินเชื่อ

10.ใบตรวจเช็คสินค้า


11. ใบเบิกอุปกรณ์


12.ใบข้อมูลลูกค้า


13.ใบประวัติลูกค้า


14.ใบข้อมูลสินค้า


15.พนักงานขาย


16.ผู้จัดจำหน่าย


17.พนักงานบัญชี


18.พนักงานคลังสินค้า


19.พนักงานซ่อมบำรุง




แสดงการจำแนกกิจกรรม (Activities) ของหน้า ที่การทำงาน (Functions) ในบริษัท

แผนกขาย


จำหน่ายสินค้า

เก็บข้อมูลของลูกค้า

ให้ข้อมูลสินค้าแก่ลูกค้า

เก็บข้อมูลการสั่งซื้อ
แผนกบัญชี


จัดเก็บเงินค่าสินค้า

จัดทำบัญชีของบริษัท

ทำรายงานการเงิน
แผนกคลังสินค้า


ตรวจสอบสินค้า

รับข้อมูลการสั่งสินค้า

จัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนอุปกรณ์

สั่งสินค้าไปยังแผนกที่ต้องการ
แผนกซ่อมบำรุง


ดูแลรับผิดชอบเครื่องมือต่างๆ

วางแผนการพัฒนาบุคลากรในฝ่ายซ่อมบำรุง

ซ่อมบำรุงรถลูกค้า























ตารางความสำพันธ์ระหว่างหน้าที่และหน้าข้อมูลที่ถูกต้อง






ขั้นตอนที่ 1

การค้นหาและเลือกสรรโครงการ


ค้นหาโครงการที่ต้องการพัฒนา
ชื่อโครงการ                                                                 แผนก
โครงการส่งเสริมการขาย                                            การขาย
โครงการพัฒนาระบบสินเชื่อ                                      การบัญชี
โครงการพัฒนาระบบตรวจเช็คสินค้า                                    คลังสินค้า


จำแนกและจัดกลุ่มโครงการที่ค้นหามา
โครงการทั้ง 3 ที่สามารถค้าหามาได้ มีวัตถุประสงค์ของโครงการที่แตกต่างกันดังนี้ 
1. โครงการส่งเสริมการขาย 
มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นการตลาด มุ่งสู่ผู้บริโภค และเป็นการสนับสนุนให้เกิดแรงจูงใจในการซื้อสินค้ากับทางบริษัท
2. โครงการพัฒนาระบบสินเชื่อ
มีวัตถุประสงค์เพื่อลดขั้นตอนในการคำนวณค่างวดและค่าติดตามการค้างชำระค่างวด สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าแบบเงินผ่อน ก็จะมีการป้อนข้อมูลต่าง ๆ เช่น เงินดาวน์ ยอดเงินคงเหลือที่ยังค้างชำระทั้งหมด เงินที่จะต้องผ่อนส่งในแต่ละเดือน ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน จำนวนเดือนที่ต้องผ่อนส่ง เป็นต้น 
3. โครงการพัฒนาระบบตรวจเช็คสินค้า
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ง่ายต่อการจัดเก็บสินค้า รวมทั้งสะดวกต่อการตรวจสอบสินค้าคงเหลือในคลัง ว่าสินค้าประเภทไหน เหลืออยู่จำนวนเท่าไหร่ จะได้ทำการสั่งซื้อสินค้าเหล่านั้นมาเก็บไว้ในคลังสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้า ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบ เมื่อมีลูกค้ามาสั่งซื้อสินค้าและไม่ได้รับสินค้าที่ต้องการกลับไป อาจจะทำให้ความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจของบริษัทลดลง
เมื่อพิจารณาโครงการทั้ง 3 แล้ว พบว่าล้วนให้ประโยชน์กับบริษัท จึงจำเป็นต้องคัดเลือกโครงการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทมากที่สุด ดังนั้นจึงเริ่มต้นด้วยการนำโครงการทั้ง 3 มาเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์ของบริษัทเพื่อค้นหาโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด และสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดของบริษัทได้ดังรายละเอียดจากตารางดังต่อไปนี้



ตารางการเปรียบเทียบ



เลือกโครงการที่เหมาะสม
จากตารางเปรียบเทียบโครงการตามวัตถุประสงค์ของบริษัท พบว่าโครงการส่งเสริมการขายตรงตามวัตถุประสงค์ของบริษัทมากที่สุด แต่เนื่องจากเมื่อพิจารณาถึงงบประมาณและสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทแล้วเห็นควรว่าจะต้องนำโครงทั้ง 3 มาพิจารณาตามข้อจำกัดเพิ่มเติม ดังจะแสดงรายละเอียดในตารางดังต่อไปนี้ 



วัตถุประสงค์
โครงการ
ส่งเสริมการขาย
โครงการพัฒนา
ระบบสินเชื่อ
โครงการพัฒนา
ระบบตรวจเช็คสินค้า
1.เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้า
/
-
-
2.เพื่อขยายกิจการ
/
-
/
3.เพื่อเพิ่มความเชื่อถือของบริษัท
/
/
-
4.เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัท
/
/
-



ตารางเมตริกซ์
Information System-to-Objectives



จากการพิจารณาโครงการทั้ง 4 โครงการตามวัตถุประสงค์ ขนาดโครงการและผลประโยชน์ พบว่าโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์และผลประโยชน์มากที่สุดคือ โครงการพัฒนาระบบสินเชื่อรองลงมาคือ โครงการส่งเสริมการขาย แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านเงินลงทุนของบริษัท ทางบริษัทจึงเห็นควรเลือกโครงการพัฒนาระบบสินเชื่อซึ่งเป็นโครงการขนาดกลางที่ทางบริษัทสามารถให้เงินลงทุนในส่วนนี้ได้ และปฎิเสธ (Reject) โครงการพัฒนาระบบตรวจเช็คสินค้า เนื่องจากโครงการพัฒนาระบบสินเชื่อที่มีความสำคัญต่อผลประโยชน์ในอนาคตของบริษัทได้มากกว่าระบบทั้ง 2 ระบบ 



การเสนอแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งาน

แนวทางเลือกเพื่อนำระบบใหม่มาใช้งาน โดยจะบอกถึงรายระเอียดของระบบที่จะพัฒนามีดังนี้ ระบบการขาย ระบบงานคลังสินค้า ระบบบัญชี ระบบซ่อมบำรุงโดยมีแนวทางเลือกจำนวนทั้งสิน 3 ทางเลือก
1.ซื้อซอฟแวร์สำเร็จรูป
2.จ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ
3.จัดตั้งทีมงานของเราพัฒนาระบบเอง






ทางเลือกที่ 1 : การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged Software) มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้

ลำดับที่
ความต้องการในระบบ/เงื่อนไขการพิจารณา
การจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged Software)


ซอฟต์แวร์1
ซอฟต์แวร์2
ซอฟต์แวร์3
ความต้องการในระบบตาม TOR:
1.
หน้าที่การทำงาน
ตรงตาม
ข้อกำหนดในTPR:
ตรงตาม
ข้อกำหนดในTPR:
ตรงตาม
ข้อกำหนดในTPR:
2.
ความยืดหยุ่น
ปรับแต่งได้ตามความต้องการโดยไม่กระโครงสร้างหลัก
ปรับแต่งได้ตามความต้องการโดยไม่กระโครงสร้างหลัก
ไม่สามารถปรับแต่งได้
เงื่อนไข
1.
ต้นทุน รวมค่าบำรุงรักษาระบบ
500,000บาท
450,000บาท
390,000บาท
2.
การบริการหลังการขายชุดซอฟต์แวร์ของผู้ขาย
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน2วันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน2วันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ติดตั้งและเรียนรู้ด้วยตัวเอง
3.
คู่มือการประกอบการใช้งาน
มีคู่มือการใช้
งานพร้อมสอบถามบัญหาได้ทาง
โทรศัพท์
มีคู่มือการใช้งานพร้อมสอบถามบัญหาได้ทางโทรศัพท์
มีคู่มือการใช้
งานพร้อมสอบถามบัญหาได้ทาง
โทรศัพท์
4.
ระยะเวลาการส่งมอบระบบ
30วัน
30วัน
31วัน

การประเมินแนวทางเลือกที่ 1
ทางทีมงานได้ทำการประเมินผลแนวทางเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม โดยกำหนดเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น 3 ระดับ ดังนี้

น้ำหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100-90 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
น้ำหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89-70 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
น้ำหนักเท่ากับ 2 ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
น้ำหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 49-30 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง

ซึ่งผลจากการประเมิน โดยการให้น้ำหนักหรือคะแนนของทีมงาน ปรากฏผลดังตารางต่อไปนี้


ลำดับที่
ความต้องการในระบบ/เงื่อนไขการพิจารณา
การจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์สำเร็จรูป(Packaged Software)
ทีมงาน/ซอฟต์แวร์
เปรียบเทียบกานให้น้ำหนัก (คะแนนเต็ม12)
ซอฟต์แวร์1
ซอฟต์แวร์2
ซอฟต์แวร์3
หัวหน้าทีม(นักวิเคราะห์ระบบ)
3
3
4
โปรแกรมเมอร์1
2
4
3
โปรแกรมเมอร์2
3
3
4
รวม
8
10
11
คิดเป็นเปอร์เซนต์
66.67%
83.33%
91.66%
เกณฑ์ที่ได้
พอใช้
ดี
ดีมาก

สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 1
ทางทีมงานได้สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกและคัดเลือกใช้ซอฟต์แวร์ 2 มาใช้งาน เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด



ทางเลือกที่ 2 : ว่าจ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ (Outsourcing) มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้


ลำดับที่
ความต้องการในระบบ/เงื่อนไขการพิจารณา
การจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged Software)

เงื่อนไขการพิจารณา
บริษัทซอฟต์แวร์ กรุ๊ป จำกัด
บริษัทซอฟต์แวร์
บริษัทซอฟต์แวร์
อินเตอร์เนชั่น จำกัด
ความต้องการในระบบตาม TOR:
1.
หน้าที่การทำงาน
ตรงตาม
ข้อกำหนดในTPR:
ตรงตาม
ข้อกำหนดในTPR:
ตรงตาม
ข้อกำหนดในTPR:
2.
ความยืดหยุ่น
ปรับแต่งได้ตามความต้องการโดยไม่กระโครงสร้างหลัก
ไม่สามารถปรับแต่งได้
ปรับแต่งได้ตามความต้องการโดยไม่กระโครงสร้างหลัก
เงื่อนไข
1.
ต้นทุน รวมค่าบำรุงรักษาระบบ
350,000บาท
400,000บาท
500,000บาท
2.
การบริการหลังการขายชุดซอฟต์แวร์ของผู้ขาย
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน2วันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ติดตั้งและเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน2วันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
3.
คู่มือการประกอบการใช้งาน
มีคู่มือการใช้
งานพร้อมสอบถามบัญหาได้ทาง
โทรศัพท์
มีคู่มือการใช้งานพร้อมสอบถามบัญหาได้ทางโทรศัพท์
มีคู่มือการใช้
งานพร้อมสอบถามบัญหาได้ทาง
โทรศัพท์
4.
ระยะเวลาการส่งมอบระบบ
1เดือน
3เดือน
2เดือน
5.
ความเชื่อถือได้ของบริษัท
เปิดทำการมาแล้ว
7 ปี
เปิดทำการมาแล้ว
2 ปี
เปิดทำการมาแล้ว
5 ปี





การประเมินแนวทางเลือกที่ 2
ใช้กฎเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) ปรากฏผลดังตารางต่อไปนี้


ทีมงาน/ซอฟต์แวร์

เปรียบเทียบกานให้น้ำหนัก (คะแนนเต็ม12)
บริษัทซอฟต์แวร์ กรุ๊ป จำกัด
บริษัทซอฟต์แวร์
บริษัทซอฟต์แวร์
อินเตอร์เนชั่น จำกัด
หัวหน้าทีม(นักวิเคราะห์ระบบ)
4
2
4
โปรแกรมเมอร์1
3
2
3
โปรแกรมเมอร์2
4
2
3
รวม
11
6
10
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์
91.66%
50%
83.33%
เกณฑ์ที่ได้
ดีมาก
พอใช้
ดี

สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 2
ทางทีมงานได้สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกและคัดเลือกบริษัทซอฟท์แวร์กรุ๊ป จำกัด
จำกัด เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด

ทางเลือกที่ 3 : ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development)มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้

ลำดับที่
ความต้องการในระบบ/เงื่อนไขการพิจารณา
การว่าจ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ
ความต้องการในระบบตาม TOR:
1.
หน้าที่การทำงาน
สามารถพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการที่ได้จัดทำไว้เอง
2.
ความยืดหยุ่น
ปรับแต่งระบบได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน และสามารถรองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ในอนาคตได้
เงื่อนไข
1.
ต้นทุน รวมค่าบำรุงระบบ
200,000 บาท
2.
การบริการหลังการติดตั้งแล้วเสร็จ
สามารถให้การฝึกอบรมผู้ใช้งานได้รวมถึงการบำรุงรักษาได้ตลอดการใช้งาน
3.
คู้มือประกอบการใช้งาน
มีการจัดทำคู่มือประกอบการใช้งาน
4.
ระยะเวลาการส่งมอบระบบ
4 เดือน
5.
ขีดความสามารถของพนักงาน
ทีมงานทั้ง 3 คนมีขีดความสามารถที่จะพัฒนาระบบเองได้ โดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว


การประเมินแนวทางเลือกที่
ไม่มีการประเมิน เพราะไม่มีการเปรียบเทียบ

สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 3
ทางทีมงานได้พิจารณาแล้วว่า มีขีดความสามารถที่จะพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการของผู้ใช้งานตามที่จัดทำไว้เป็น TOR โดยใช้ระยะเวลาดำเนินกิจการจำนวนทั้งสิ้น 4 เดือน และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจำนวนเงินทั้งสิ้น 240,000 บาท (ค่าเงินเดือน ค่าอุปกรณ์ ค่าบำรุงรักษา ค่าล่วงเวลา ค่าเบ็ดเตล็ด เป็นต้น)

เปรียบเทียบแนวทางเลือกทั้งสาม
ผลจากการพิจารณาแนวทางเลือกของทีมงานจากทั้งสามแนวทาง จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของผู้บริหารเพื่อพิจารณาเลือกแนวทางตามที่ได้นำเสนอจากทีมงานพัฒนา พร้อมข้อเสนอแนะในแต่ละแนวทางเลือกหลักทั้งสาม โดยมีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้

ตารางเปรียบเทียบการพิจารณาแนวทางเลือกทั้งสามแนวทาง

ลำดับที่
ความต้องการในระบบ
แนวทางเลือกทั้งสามทาง
เงื่อนไขการพิจารณา
การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป
การว่าจ้างบริษัทซอฟต์แวร์กรุ๊ป จำกัดเพื่อพัฒนาระบบ
ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ
ความต้องการในระบบตาม TOR:
1.
หน้าที่การทำงาน
สามารถพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการที่ได้
จัดทำไว้
สามารถพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการที่ได้จัดทำไว้
สามารถพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการที่ได้จัดทำไว้
2.
ความยืดหยุ่น
ปรับแต่งได้ตามความต้องการโดยไม่กระโครงสร้างหลักขององค์กร
ปรับแต่งได้ตามความต้องการโดยไม่กระโครงสร้างหลักขององค์กร
ปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานและสามารถรองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ในอนาคตได้
เงื่อนไข
1.
ต้นทุน รวมค่าบำรุงรักษาระบบ
300,000บาท
500,000บาท
200,000บาท
2.
การบริการหลังการขายติดตั้งแล้วเสร็จ
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน2วันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งาน1วันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ฝึกอบรมแก่ผู้ใช้งาน รวมถึงการบำรุงรักษาระบบได้ตลอดการใช้งาน
3.
คู่มือการประกอบการใช้งาน
มีคู่มือการใช้
งานพร้อมสอบถามบัญหาได้ทาง
โทรศัพท์
มีคู่มือการใช้งานพร้อมสอบถามบัญหาได้ทางโทรศัพท์
จัดทำคู่มือประกอบการใช้
งาน

4.
ระยะเวลาการส่งมอบระบบ
1เดือน
1เดือน
4เดือน

ข้อเสนอแนะแนวทางเลือกทั้งสาม

หัวหน้าทีมงาน (นักวิเคราะห์ระบบ) ได้ทำการเปรียบเทียบและให้ข้อเสนอแนะทั้งสามทาง เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจ ก่อนที่จะนำเสนอแนวทางเลือกในการพัฒนาระบบการจัดการทางการตลาด โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้

แนวทางเลือกที่ 1 การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged Software)
ข้อดี ระบบมีความยืดหยุ่นสามารถรองรับความต้องการได้เกือบทั้งหมด รวมทั้งประหยัดเวลาในการติดตั้งด้วย
ข้อเสีย ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับแนวทางที่ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบเอง เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 500,000 บาท อีกทั้งทีมงานจำเป็นต้องเรียนรู้ในรายละเอียดทั้งหมด ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 60 วัน ส่วนการปรับปรุงและแก้ไขเพิ่มเติมไม่กระทบโครงสร้างหลักของระบบ หากมีการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มในอนาคตจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่างหาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการจัดทำข้อตกลงในสัญญา

แนวทางเลือกที่ 2 การว่าจ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ (Outsourcing)
ข้อดี ระบบมีความยืดหยุ่นสามารถรองรับความต้องการได้เกือบทั้งหมด สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาระบบ
ข้อเสีย ทีมงานต้องจัดทำ TOR ให้ครบถ้วนสมบรูณ์ที่สุด เพื่อป้องกันการเข้าใจไม่ตรงตามข้อกำหนด ซึ่งการว่าจ้าง Outsourcing มีค่าใช้จ่ายสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับราคาทั้งสามแนวทาง อีกทั้งข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทอาจถูกเปิดเผยได้

แนวทางเลือกที่ 3 ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development)
ข้อดี ระบบมีความยืดหยุ่นสามารถรองรับความต้องการได้เกือบทั้งหมด สามารถปรับปรุงแก้ไขระบบได้ตลอดเวลาตามต้องการ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่ำสุดเมื่อเปรียบเทียบทั้งสามแนวทางเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 200,000 บาท นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีในการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานกับผู้ใช้งาน
ข้อเสีย มีระยะเวลาในการดำเนินการมากที่สุดประมาณ 5 เดือน และหากมีงานอื่นที่ต้องทำในระหว่างการพัฒนาระบบ ก็จะทำให้ระยะเวลายืดเยื้อไปอีกจึงจำเป็นต้องมีแผนการรองรับในเรื่องนี้ด้วย


ผู้บริหารเลือกแนวทางที่ดีที่สุด
หลังจากหัวหน้าทีมงานได้เสนอแนวทางเลือก โดยจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบและข้อเสนอแนะแก่ทีมผู้บริหาร โดยใช้กฎเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) ดังตารางต่อไปนี้

ทีมงาน/ซอฟต์แวร์
เปรียบเทียบกานให้น้ำหนัก (คะแนนเต็ม12)
การจัดซื้อซอฟต์แวร์ สำเร็จรูป 2
การว่าจ้างบริษัทซอฟต์แวร์กรุ๊ป จำกัด เพื่อพัฒนาระบบ
ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ
หัวหน้าทีมผู้บริหาร
3
3
4
ทีมงานผู้บริหาร1
3
3
4
ทีมงานผู้บริหาร1
3
2
4
รวม
9
8
12
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์
75%
66.67%
100%
เกณฑ์ที่ได้
ดี
พอใช้
ดีมาก




สรุปผลการประเมินโดยทีมงานผู้บริหาร



ทางทีมงานผู้บริหารได้พิจารณาตัดสินใจเลือกแนวทางใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development) เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการลงทุนแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีของพนักงานภายในบริษัท พร้อมทั้งได้กำหนดมาตรการและมอบหมายแก่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง คอยควบคุมดูแลทีมงานพัฒนาให้ดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้



แผนการดำเนินงานของโครงการ
แผนการดำเนินงานของโครงการพัฒนาระบบการจัดการทางการตลาด มีดังต่อไปนี้
1. ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการ
2. ประมาณการใช้แหล่งทรัพยากร
3. ประมาณการใช้งบประมาณ
4. ประมาณระยะเวลาการดำเนินงาน


ทีมงานผู้รับผิดชอบ
ทีมงานผู้รับผิชอบโครงการที่จะได้รับมอบหมาย คือ บุคลากรแผนกคอมพิวเตอร์ทั้ง 3 คน จะดำรงตำแหน่งเนื่องจาก โครงการพัฒนาระบบการจัดการทางการตลาด ดังต่อไปนี้
1. นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (ผู้บริหารโครงการ) ได้แก่ หัวหน้าแผนกคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์และออกแบบระบบ ตลอดจนการเก็บรวบรวมข้อมูลและติดต่อประสานงานระหว่างผู้ใช้กับทีมโปรแกรมเมอร์ จัดทำเอกสารของระบบ ทดสอบโปรแกรมของระบบ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
2. โปรแกรมเมอร์ ได้แก่ เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์จำนวน 2 คน ทำหน้าที่ในการเขียนและติดตั้งโปรแกรมของระบบ รวมทั้งทดสอบโปรแกรมและพัฒนาตัวต้นแบบ (Prototype) เพื่อสอบถามความคิดเห็นและผลการตอบรับ (Feedback) จากผู้ใช้ระบบ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น